ถุงมือกันบาด (Cut-Resistant Gloves)

​​เส้นใยโพลีเอทิลีนน้ำหนักโมเลกุลสูง (HPPE - High-Performance Polyethylene): ให้ความแข็งแรงสูง แต่น้ำหนักเบาและยืดหยุ่น

คฟลาร์ (Kevlar) หรืออารามิด (Aramid): ให้ความทนทานต่อการตัดและทนความร้อน

ใยแก้ว (Fiberglass): มักผสมกับวัสดุอื่นเพื่อเพิ่มระดับการกันบาด

การเคลือบผิว: มักมีการเคลือบผิวด้วยวัสดุต่าง ๆ เพื่อเพิ่มการหยิบจับและความทนทาน เช่น ไนไตรล์ (Nitrile), โพลียูรีเทน (Polyurethane - PU) หรือ ลาเท็กซ์ (Latex)

การกันบาด (Cut Resistance): เป็นคุณสมบัติหลัก โดยมีระดับการป้องกันตามมาตรฐานสากล เช่น EN 388 (ตั้งแต่ A1 ถึง A9) ซึ่งระดับยิ่งสูงยิ่งกันบาดได้ดี

ความกระชับและความคล่องแคล่ว: เส้นใยถักที่มีความยืดหยุ่น ทำให้ผู้สวมใส่ยังคงมีความรู้สึกในการสัมผัสและหยิบจับชิ้นงานได้อย่างแม่นยำ

ความทนทานต่อการเสียดสีและการฉีกขาด: วัสดุคุณภาพสูงช่วยยืดอายุการใช้งาน

การเคลือบผิว (Grip): การเคลือบด้วยไนไตรล์หรือ PU จะช่วยเพิ่มการยึดเกาะกับวัตถุ ทั้งในสภาวะแห้ง เปียก หรือมีน้ำมัน

ป้องกันการบาดเจ็บรุนแรง: ลดความเสี่ยงของการบาดจากของมีคมได้อย่างมาก

เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน: ผู้ปฏิบัติงานรู้สึกปลอดภัยและมั่นใจในการทำงานมากขึ้น

ระบายอากาศได้ดี: วัสดุที่เป็นเส้นใยถักช่วยให้มือไม่ร้อนและอับชื้นมากเกินไป เมื่อเทียบกับถุงมือยางเต็มรูปแบบ

ทนทานและนำกลับมาใช้ซ้ำได้: สามารถซักทำความสะอาดเพื่อยืดอายุการใช้งานได้

ไม่กันแทง (Puncture Resistance): ถุงมือกันบาดส่วนใหญ่ไม่ได้ถูกออกแบบมาให้กันการถูกแทงด้วยปลายแหลมขนาดเล็ก (เช่น เข็มฉีดยา หรือลวดบาง ๆ)

ไม่กันสารเคมี/น้ำ: หากไม่มีการเคลือบผิวแบบเต็มรูปแบบ (Fully Coated) จะไม่สามารถกันน้ำหรือสารเคมีได้ดี

ความยืดหยุ่นอาจลดลง: ถุงมือที่มีระดับการกันบาดสูงมาก (A7-A9) อาจมีความหนาและแข็งกว่า ทำให้ความรู้สึกในการสัมผัสลดลงเล็กน้อย

อุตสาหกรรมอาหาร

โรงงานผลิตติดตั้งกระจก/แก้ว

อุตสาหกรรมยานยนต์ ผลิตชิ้นส่วนโลหะ เศษเหล็ก อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องจักร

งานโลจิสติกส์

งานในสวน

งานทั่วไปในครัวเรือน

เก็บในที่แห้งอุณหภูมิห้อง ไม่ร้อนชื้นหรือถูกแสงแดดโดยตรง

สามารถซักด้วยน้ํายาซักผ้าอ่อนๆ ในน้ําอุ่น ตากในที่ร่มให้แห้งสนิท